วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2561

3. อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง

อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง

อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง

อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง มีเนื้อที่ประมาณ 720 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่หาดทรายติดกับชายทะเลและเนินเขาสูง พื้นที่ป่าสงวน ป่าพรุ และพื้นที่ป่าพรุใกล้คลองปิเหล็ง เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล ที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนพิเศษป่าเขาตันหยง และมีอาณาเขตพื้นที่ติดต่อกับพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ทำให้สภาพธรรมชาติมีความสมบูรณ์หลากหลาย มีการพบต้นมะนาวผี ที่มีขนาดใหญ่และสวยงามมาก รวมถึงสัตว์ป่าหายากหลากชนิด เหมาะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง

เพียงคุณเข้ามาในพื้นที่ทำการอุทยานฯ อ่าวมะนาว-เขาตันหยง คุณก็จะได้สัมผัสความงามของหาดอ่าวมะนาว หาดทรายขาวที่มีทิวสนร่มรื่นเรียงรายตลอดชายฝั่ง มีมุมนั่งเล่นให้คุณได้นั่งปิกนิกริมหาดสบายใจด้วย ถัดไปเป็นหาดเขาตันหยง หาดทรายขาวสลับโขดหินสวยมีไม้ป่าชายหาดสมบูรณ์หายากให้ชื่นชม จากหาดเขาตันหยง เดินเท้าขึ้นไปประมาณ 400 เมตร ก็ได้เที่ยว น้ำตกธาราสวรรค์ น้ำตกขนาดเล็กที่เหมาะกับการนั่งพักผ่อน ชมธรรมชาติและลงเล่นน้ำและยังมี น้ำตกริมผา ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ จะสวยงามมากในฤดูฝน
อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง

หาดมะนาว หาดสวยที่สุดหาดหนึ่งของชายทะเลปัตตานี เป็นที่มาของชื่ออุทยานอ่าวมะนาว-เขา ตันหยง ส่วนเขาตันหยงนั่นอยู่ปลายหาดนั่นเอง
อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง


ข้อมูลเกี่ยวกับ…อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง นราธิวาส

ที่ตั้ง : อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ใกล้กับพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์
การเดินทาง : จากอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ขับรถไปตามถนนสายนราธิวาส-ตากใบ ก่อนถึงพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จะมีทางเลี้ยวเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง
ที่มา https://www.ท่องทั่วไทย.com

4. หมู่บ้านทอน

หมู่บ้านทอน



รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
   
      หมู่บ้านทอน เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ติดชายทะเล คือชายหาดบ้านทอน ซึ่งเป็นชายหาดยาวขาวสะอาด และยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก

     ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีลักษณะเป็นหมู่บ้าน ประมง อาชีพของชาวบ้านส่วนใหญ่จึงทำการประมงเป็นอาชีพหลัก นอกจากนั้นยังใช้เวลาว่างประ ดิษฐ์ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่นการทำเรือกอและจำลอง การสานเสื่อจากใบกระจูด ซึ่งปัจจุบันเป็น ของสินค้าที่ระลึกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนราธิวาส อาจกล่าวได้ว่า เสื่อกระจูดและเรือกอและ คือ สัญลักษณ์ของบ้านทอน และเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของจังหวัดนราธิวาส


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หมู่บ้านทอน


     ปัจจุบัน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานภาคใต้ เขต 3 ได้ดำเนินการสร้างซุ้มสาธิตหัตถ กรรมพื้นบ้านจำนวน 10 หลัง ที่หมู่บ้านทอน จังหวัดนราธิวาส ทั้งนี้เพื่อจัดทำเป็นศูนย์ผลิตและ จำหน่ายสินค้าหัตถกรรม รวมทั้งอาหารพื้นบ้าน โดยให้ชาวบ้านที่มีฝีมือใช้เป็นสถานที่ผลิตสินค้า หัตถกรรม ในอาณาบริเวณเดียวกัน และเพื่อสำหรับบริการนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาหาซื้อสินค้า ของที่ระลึก ของฝากที่มีชื่อเสียงของบ้านทอน ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

     ถ้าพูดถึงบ้านทอน ทุกคนจะนึกถึงหัตถกรรมพื้นบ้านที่โดดเด่น เช่น เรือกอและจำลอง ที่มีลวดลาย สวยงาม ประณีตละเอียดละอ่อน เป็นสิ่งที่สะท้อนความภาคภูมิใจ ที่จะบอกให้แก่ผู้มาเยือนรู้ว่า ที่นี่ คือดินแดนของชาวไทยมุสลิมผู้มีพื้นฐาน ในการเขียนลวดลายบนลำเรืออันเป็นเอกลักษณ์มาช้านาน ลวดลายบนลำเรือกอและ เป็นการผสมผสานระหว่างลายมาลายู ลายชวาและลายไทย โดยมีสัดส่วน ของลายไทยอยู่มากที่สุด เช่น ลายกนก ลายบัวคว่ำ บัวหงาย ลายหัวพญานาค หนุมานเหิรเวหา รวม ทั้งลายหัวนกในวรรณคดี เช่น "บุหรงซีงอ" สิงหปักษี (ตัวเป็นสิงห์หรือราชสีห์ หัวเป็นนกคาบปลาไว้ ที่หัวเรือ) เชื่อกันว่ามีเขี้ยวเล็บและมีฤทธิ์เดชมาก ดำน้ำเก่ง จึงเป็นที่นิยมของชาวเรือกอและมาแต่ โบราณ

     งานศิลปะบนลำเรือเปรียบเสมือน "วิจิตรศิลป์บนพลิ้วคลื่น" และเป็นศิลปะเพื่อชีวิต เพราะเรือ กอและมิได้อวดโชว์ความอลังการของลวดลายเพียงอย่างเดียว ทว่ายังเป็นเครื่องมือในการจับปลา เลี้ยงชีพของชาวประมงด้วย กล่าวกันว่าลูกแม่น้ำบางนราไม่มีเรือกอและหาปลา ก็เหมือนไม่ใส่เสื้อผ้า ความนิยมในการวาดลวดลายข้างลำเรือให้วิจิตรตา นับวันจะยิ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงประเทศเพื่อน บ้าน ปัจจุบันเรือกอและจำลอง เป็นสินค้าของที่ระลึกที่มีคุณค่าสำหรับผู้มาเยือนบ้านทอน จังหวัด นราธิวาส และกำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศ พื้นบ้านมาเลเซีย ซึ่งได้สั่งซื้อเรือกอและจำลองเข้ามามากจนชาวบ้านผลิตไม่ทัน จนต้องมีการสั่งจอง ล่วงหน้า

    
 นอกจากเรือกอและจำลอง และเสื่อกระจูดแล้ว บ้านทอนยังมีการผลิตหัตถกรรมพื้นบ้านอื่นๆอีก อาทิ การทำกรงนกเขา และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติอื่นๆอีกมากมาย รวมทั้งอาหารพื้นบ้าน ที่มีชื่อเสียงของบ้านทอน เช่นน้ำบูดู ซึ่งเป็นการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากปลา มีรสชาติอร่อยถูกปาก ผ่าน กรรมวิธีในการผลิตที่สะอาด ถูกหลักอนามัย ปราศจากวัตถุกันเสีย ข้าวเกรียบปลา ทำจากปลาหลาย ชนิดตามแต่ต้องการแล้วนำไปบดรวม หั่นเป็นแผ่นบางๆตากแดดให้แห้ง แล้วนำไปทอดกับน้ำมัน รับประทานได้หลายโอกาส เหมาะที่จะซื้อหาเป็นของฝาก ของที่ระลึก

การเดินทาง
โดยรถโดยสารประจำทาง
- จากตัวเมืองนราธิวาส (ปากทางเข้าถนนโคกเคียนสายนราธิวาส-บ้านทอน) ตั้งแต่เวลา 8.00 -17.00 น. รถออกทุกๆ 1 ชม. ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
- จากอำเภอบาเจาะ ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น. รถออกทุกๆ 1 ชม. ใช้เวลาประมาณ 10 นาที 


ที่มา http://www.addsiam.com


2.น้ำตกปาโจ

น้ำตกปาโจ

7 สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตในนราธิวาส ที่ต้องไปให้ได้
    
        ตั้งอยู่ที่บ้านปาโจ ตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาสเป็นน้ำตกใหญ่ที่มีน้ำตลอดปี แต่ในหน้าแล้งน้ำค่อนข้างน้อย มีความสูงประมาณ 60 เมตร มีทางขึ้นไปสู่ต้นน้ำเป็นชั้นๆ รวม 9 ชั้น นับว่าเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดและสวยงามแห่งหนึ่งของภาคใต้ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยาน แห่งชาติบูโด - สุไหงปาดี มีพื้นที่คลอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอบาเจาะ อำเภอยี่งอ อำเภอระแง อำเภอรือเสาะ อำเภอสุไหงปาดี อำเภอจะแนะ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส อำเภอรามัน จังหวัดยะลา และอำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี
จุดสนใจอีกอย่างหนึ่งของน้ำตกแห่งนี้คือการมี ใบไม้สีทองหรือ ย่านดาโอ๊ะ พันธุ์ไม้ชนิดนี้ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกในโลกที่นี่ เมื่อปี พ.ศ. 2531 ใบไม้สีทองเป็นไม้เลื้อย มีลักษณะใบคล้ายใบชงโคหรือใบเสี้ยว แต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก บางใบใหญ่กว่าฝ่ามือเสียอีก มีขอบหยักเว้าเข้าทั้งที่โคนใบ และปลายใบ ลักษณะคล้ายวงรีสองอันอยู่ติดกัน ทุกส่วนของใบจะปกคลุมด้วยขนกำมะหยี่เนียนนุ่ม มีสีทองหรือสีทองแดงเหลือบรุ้งเป็นประกายงดงามยามต้องแสงอาทิตย์ สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล และยังมีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ หายาก มีราคาแพง และกำลังจะสูญพันธุ์ คือ หวายตะค้าทอง

น้ำตกปาโจ อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี

อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี มีเนื้อที่ประมาณ 213,125 ไร่ หรือ 341 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่อำเภอบาเจาะ อำเภอรือเสาะ อำเภอยี่งอ อำเภอเจาะไอร้อง อำเภอระแงะ อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส อำเภอรามัน จังหวัดยะลา และอำเภอกะพ้อ จังหวัดปัตตานี ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน โดยมียอดเขาตาเว เป็นยอดเขาสูงที่สุดสูง 548 เมตรจากระดับน้ำทะเล สภาพป่าไม้สมบูรณ์ทอดเป็นแนวทิศเหนือ-ทิศใต้ มีพันธุ์ไม้หายากสำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะปาล์มบังสูรย์และใบไม้สีทองหรือ ย่านดาโอ๊ะ เถาเลื้อยขนาดใหญ่ ใบไม้เอกลักษณ์ของอุทยานฯ แห่งนี้เลย
น้ำตกปาโจ อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี

ความสมบูรณ์ทางธรรมชาติของอุทยานฯ บูโด-สุไหงปาดี ไม่เพียงเป็นต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำหลายสาย ทั้งแม่น้ำสายบุรี คลองบาเจาะ ฯลฯ ยังทำให้เกิดสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติสวยงามหลายแห่ง ทั้งน้ำตกปาโจ น้ำตกขนาดใหญ่ของผืนป่าภูโด เที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี น้ำตกฉัตรวาริน น้ำตกขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 7 ชั้น น้ำตกพุเสด็จ มีทั้งหมด 4 ชั้น ชั้นที่ 2 สายน้ำไหลผ่านหน้าผาหินสูงประมาณ 12 เมตร สวยงามมากที่สุด น้ำตกจำปากอ น้ำตกขนาดกลาง แต่สวยงามมาก น้ำตกคูแวว มีทั้งหมด 4 ชั้น เที่ยวชมความงามได้ทุกชั้น และยังสถานที่เที่ยวที่อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางมากกว่า 50 กิโลเมตรขึ้นไปให้เที่ยวชม อีกทั้ง น้ำตกวังทอง น้ำตกสุวารี และน้ำค้างคาว
น้ำตกปาโจ อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี

น้ำตกปาโจ เป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดของอุทยานฯ บูโด-สุไหงปาดี จากผืนป่าและเทือกเขาที่มีความสูงถึง 1,800 เมตร จนมีไอน้ำชุ่มชื้นอยู่มาก ซึ่งเป็นต้นน้ำสายสำคัญของจังหวัดนราธิวาส การเดินเข้าไปเที่ยวชมนั้นไม่ยากเย็น เพราะมีทางปูนจากที่ทำการอุทยานฯ จนถึงน้ำตก
น้ำตกปาโจ อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี

ข้อมูลเกี่ยวกับ…อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี นราธิวาส

ที่ตั้ง : ถนนพิพิธปาโจ ตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
การเดินทาง : จากอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ให้คุณขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข 42 จากอำเภอบาเจาะ ระยะทางเพียง 3 กิโลเมตรก็จะถึงอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี คุณยังสามารถนั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ มาลงที่สถานีรถไฟตันหยงมัส อำเภอระแงะ แล้วนั่งรถสองแถวต่อระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี
ที่มา: https://sites.google.com/site/kitttsakthank/directory
ภาพ: ไฟล์อินเทอร์เน็ต



1.มัสยิด 300 ปี ตะโละมาเนาะ

มัสยิด 300 ปี ตะโละมาเนาะ

7 สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตในนราธิวาส ที่ต้องไปให้ได้



          มัสยิด 300 ปี บ้านตะโละมาเนาะ ตำบลลุโบะสาวอ ห่างจากจังหวัดนราธิวาส เป็นระยะทาง 25 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 42 แล้วแยกที่บ้านบือราแง ห่างจากตัวอำเภอบาเจาะ ประมาณ 4 กิโลเมตร แยกจากถนนสายปัตตานี-นราธิวาสก่อนถึงอำเภอยังมีทางแยกขวาไปถึงมัสยิดสร้างด้วยไม้ตะเคียนทั้งหลัง ตั้งตระหง่านมากว่า 300 ปี ใช้สลักไม้ยึดหลักแทนตะปู หรือสกรูเหล็ก

รูปทรงของอาคารเป็นแบบไทยพื้นเมืองประยุกต์เข้ากับศิลปะจีน และมลายูออกมาได้ลงตัว ส่วนเด่นที่สุดของอาคาร คือ เหนือหลังคาจะมีฐานมารองรับจั่วบนหลังคาอยู่ชั้นหนึ่ง ส่วนหออาซานซึ่งมีลักษณะเป็นเก๋งจีน ก็ตั้งอยู่บนหลังคาส่วนหลัง ฝาเรือนใช้ไม้ทั้งแผ่นแล้วเจาะหน้าต่าง ส่วนช่องลมแกะเป็นลวดลาย ใบไม้ ดอกไม้สลับลายจีน  ปัจจุบันมัสยิดนี้ยังใช้เป็นสถานประกอบศาสนกิจของชาวมุสลิม หากต้องการเข้าชมภายในต้องได้รับอนุญาตจากโต๊ะอิหม่ามประจำหมู่บ้าน โดยทั่วไปเข้าชมได้บริเวณภายนอกเท่านั้น นอกจากนั้นหมู่บ้านตะโละมาเนาะในอดีตยังเป็นแหล่งผลิตคัมภีร์อัลกุรอานที่เขียนด้วยมือ

มัสยิด 300 ปี จังหวัดนราธิวาส โดดเด่นด้วยสถาปัตกรรมอาคารไม้ตะเคียนทั้งหลัง
ผสมผสานศิลปะไทย จีน และมลายูเข้าด้วยกันอย่างมีเอกลักษณ์ สถานที่อันเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์
วัฒนธรรมทางศาสนา และมีสถาปัตยกรรมอันสะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรมของพื้นที่
ผ่านกาลเวลามายาวนานนับร้อยปี

มัสยิด 300 ปี

มัสยิด 300 ปี หรือมัสยิดวาดีอัลฮูเซ็น เป็นมัสยิดเก่าแก่ ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านตะโละมาเนาะ
ชาวบ้านทั่วไปบ้างก็เรียกว่า มัสยิด 200 ปี หรือมัสยิดตะโละมาเนาะ จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน
ประวัติของมัสยิดแห่งนี้สร้างมาแล้ว 3 ชั่วอายุคน โดยนายวันฮูเซ็น อัส-ซานาวี ผู้อพยพมาจากบ้านสะนอยานยา จ.ปัตตานี
เป็นผู้สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2167 ก่อสร้างจากไม้ตะเคียนทั้งหลัง โดยใช้สลักไม้แทนตะปูหรือสกรู
การก่อสร้างในสมัยนั้นไม่มีเครื่องมือช่าง จำพวกเลื่อย ขวาน สิ่ว จึงนิยมใช้บือจือตา (รูปร่างคล้ายขวาน)
เพื่อตัดไม้ ใช้บันลีโยง (ลิ่ม) เพื่อผ่าไม้ และใช้บายิ (รูปร่างคล้ายจอบ) เพื่อถากไม้ให้เรียบ

มัสยิด 300 ปี

สถาปัตยกรรมของมัสยิด 300 ปี สร้างแบบศิลปะไทยพื้นเมืองประยุกต์ ผสมผสานศิลปะแบบจีน และมลายู
เป็นอาคาร 2 หลังติดกัน มีเสาไม้ 26 ต้น เสามีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมขนาด 10X10 นิ้ว พื้นหนา 2 นิ้ว
ฝาประกบหน้าต่างทำด้วยไม้ทั้งแผง แกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ จุดเด่นอยู่ที่โครงสร้างหลังคาทั้ง 2 หลัง
ซึ่งมีความแตกต่างกัน โดยมัสยิดหลังแรก มีหลังคาทั้งหมด 3 ชั้น มุงด้วยกระเบี้องดินเผา
หลังคาชั้นที่ 3 มีโดมเป็นเก๋งจีนอยู่บนหลังคา เป็นศิลปะแบบจีนแท้ เสาแกะสลักเป็นรูปดอกพิกุล
ในสมัยนั้นเก๋งจีนจะใช้เป็นหออาซาน (สำหรับตะโกนเรียกคนมาละหมาด)
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์
ที่มา: https://sites.google.com/site/kitttsakthank/directory
ภาพ: ไฟล์อินเทอร์เน็ต

เครดิตภาพ : pantip และ blogspot